วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ถูกผีหลอกกลางคืนบ่อย สัญญาณเตือน ตาบอด

ถูกผีหลอกกลางคืนบ่อย อาจเป็นอาการเตือนให้รู้ตากำลังจะบอด
          แพทย์จักษุวิทยาสมาคมของอังกฤษ ได้ออกเผยแพร่ความรู้ให้ทราบว่า ผู้ที่เห็นภาพหลอนอันน่ากลัว และมักคิดว่าจะเป็นโรคจิต อาจจะไม่เป็นจริงก็ได้ หากแต่เป็นเพราะตาอาจจะกำลังจะบอดมากกว่า เพราะอาการเช่นนั้น เป็นผลที่ตามมาตามปกติ จากตาที่กำลังจะบอดลง
          สมาคมแพทย์โรคตาแจ้งว่า แม้แต่แพทย์ทั่วไปเองก็อาจจะวินิจฉัยโรคคนไข้ผิดมาหลายคนแล้ว ว่าเป็นอาการของโรคจิตหรือสมองเสื่อม ด้วยความไม่รู้ 

          อาการดังกล่าวเกิดจาก ภาพที่มองเห็นไม่อาจรายงานไปถึงสมองได้ ด้วยเหตุนั้นสมองจึงส่งภาพที่เป็นภาพเก่าๆ ที่เก็บอยู่ออกมาแทน "คนไข้มักจะเห็นภาพของใบหน้าบิดเบี้ยวพิลึกพิลั่น แยกเขี้ยวคำรามโผล่ขึ้นตรงหน้า หรือไม่ก็เป็นรูปคนที่แต่งกาย โดยใส่หมวกซับซ้อน ไม่ก็เห็นเป็นรูปภูมิประเทศที่แผ่ออกไปยาวยืด และบางทีก็เป็นยวดยาน" 
          คนไข้รายหนึ่งอายุ 76 ปี เล่าให้ฟังว่า มักเห็นภาพที่น่ากลัวตอนกลางคืน ก่อนที่จะรู้สาเหตุที่แท้จริงว่า ตาใกล้จะบอด "ฉันเห็น ผู้ชายสามคนในชุดสัปเหร่อสีดำ โผล่ให้เห็นในห้องนอนกลางดึก กวักมือเรียก จนคิดว่าคงจวนจะตายแล้ว"

8 วิธีช็อปอย่างชาญฉลาด


 ในภาวะที่ข้าวของเครื่องใช้มีราคาสูงแข่งกับราคาน้ำมันอย่างนี้อาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับสาวนักช็อปทั้งหลายคงจะไม่พ้นเสียง "กรี๊ด...กรี๊ด...กรี๊ด" แล้ววิ่งเข้าใส่ป้าย "SALE" โดยไม่ได้หยุดพิจารณาว่าสิ่งที่คุณกำลังจะซื้อนั้นถูกจริง ดีจริง และตรงกับความต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่

          ต่อไปนี้คือ 8 กลวิธีการบริโภคที่ขอแนะนำให้คุณทดลองนำไปใช้ รับรองว่าได้ผลคุ้มค่า คุ้มเวลา แถมยังได้ของดีราคาประหยัดอีกด้วย

 1. จดรายการที่จะซื้อตามความจำเป็น

          ข้อนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่หลายคนละเลย การทำรายการก่อนออกไปซื้อของไม่ได้หมายถึงการจดรายการสินค้าตามความจำเป็นจากมากไปหาน้อยเพียงอย่างเดียว ทว่ายังรวมถึงการทวนซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ของชนิดนั้นเรามีอยู่แล้วกี่ชิ้น มีอย่างอื่นทดแทนได้หรือไม่ รวมทั้งโอกาสในการใช้และภาระต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการซื้อ

 2. เรียกสติก่อนซื้อ

          หลายคนพอเห็นป้ายลดราคาปุ๊บก็รีบปรี่เข้าไปทันที โดยลืมมองเรื่องคุณภาพและราคาที่แท้จริงไป สินค้าบางอย่างแม้จะตั้งป้ายลดราคาสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ความจริงกลับเป็นของเก่าเก็บมานานสองสามปีจนเสื่อมคุณภาพตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้ หรือบางชิ้นก็ใช้เทคนิคการตั้งราคาให้สูงกว่าปกติ คราวนี้พอลดราคาลงมาก็กลายเป็นราคาในยามปกติ คนซื้อที่ไม่ทันตั้งสติสังเกตดูให้ดี ก็อาจถูกหลอกง่ายๆ ด้วยป้ายแดงแรงฤทธิ์พวกนี้

 3. อย่าซื้อแก้เซ็ง

          ข้อห้ามเด็ดขาดสำหรับการซื้อของคือ ห้ามซื้อเพื่อแก้เซ็ง แก้เหงา ลดอาการเบื่อโลก หรือแก้อาการอกหัก เพราะในอารมณ์นั้นจะเป็นช่วงที่คนเราสามารถซื้อได้ทุกสิ่งอย่างไม่มีเหตุผล ซื้อโดยไม่ดูความต้องการว่าเราจำเป็นต้องใช้ของชิ้นนั้นมากน้อยแค่ไหน และท้ายสุดเมื่ออารมณ์เบื่อ อารมณ์เซ็งหายไป ของที่เราซื้อแบบไม่ลืมหูลืมตาก็จะกลายเป็นเพียงของที่เก็บไว้ให้ช้ำใจอยู่ภายในตู้เท่านั้นเอง

ช็อปปิ้งอิ่มบุญ

          ใครที่กำลังหาซื้อของมือสอง แนะนำให้ตรงมาที่ ซูเปอร์มาร์เก็ตผู้ยากไร้วัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของมือสองคุณภาพดีที่มาจากการบริจาคแล้ว เงินที่เราจ่ายไปยังเป็นการทำบุญกับทางวัดอีกทางหนึ่งด้วย เรียกว่าช็อปปิ้งและอิ่มบุญไปพร้อมๆ กัน

 4. ของมือสองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

          หากลดอคติลง แล้วลองเปิดใจให้สินค้าจำพวกสินค้ามือสองสักนิดก็จะพบว่า บางครั้งสินค้ามือสองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เช่น หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ ถ้าเลือกดีๆ หรือนำมาปัดฝุ่นทาสีใหม่ ก็จะได้ของที่มีคุณภาพและประหยัดเงินในกระเป๋าได้กว่าครึ่ง

 5. ซื้อ 1 โละ 1

          ฝึกสร้างนิสัยในการรู้จักคุณค่าของที่มีอยู่ด้วยวิธีง่ายๆ แค่ตั้งมั่นว่า ถ้าเราซื้อเสื้อ 1 ตัว ให้บริจาคเสื้อที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้า 1 ตัว ซื้อ 5 ตัวก็ให้บริจาค 5 ตัว ทำอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วเราจะรู้ถึงคุณค่าของข้าวของต่างๆ มากขึ้น คราวหน้าถ้าจะซื้อของใหม่สักชิ้น เจ้าจิตใต้สำนึกก็จะถามขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลยว่า เราใช้ของเก่าที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง

 6. ยิ่งช็อปยิ่งรัก

          เชื่อไหมว่าการช็อปปิ้งก็สามารถสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้ แต่ช็อปปิ้งที่ว่าหมายถึงการซื้อสินค้าประเภทกึ่งสำเร็จรูปที่แถมอุปกรณ์พร้อมประดิษฐ์ให้เราได้มานั่งประกอบต่อที่บ้าน เช่น ตุ๊กตา แก้วน้ำโมเสก เสื้อยืดพร้อมสีเพ้นต์ เพียงแค่เราซื้อสินค้าเหล่นี้มาหนึ่งชุด จากนั้นก็หาเวลาว่างในสุดสัปดาห์ แล้วชวนคนในครอบครัวมานั่งล้อมวงช่วยกันประดิษฐ์ เสร็จแล้วเราก็จะได้สินค้าที่เกิดขึ้นจากความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว

 7. อย่าลืม! ภาระหลังการซื้อ

          ภาระในที่นี้หมายถึงภาระทางการเงินและการจัดเก็บ สองสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องควรคำนึงก่อนซื้อ บางคนมีเงินจ่ายบัตรเครดิตทุกสิ้นเดือนก็ดีไป ทว่าบางคนเงินไม่มี แต่อยากได้ก็อาจกลายเป็นหนี้สินใหญ่โต ส่วนคนที่ใช้บัตรเสริม ก็เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กลายเป็นความทุกข์ใจของพ่อแม่

          ด้านที่จัดเก็บนั้น บางคนซื้อของจนแทบไม่มีที่เก็บ กลายเป็นสร้างบ้านเพื่อเก็บของก็มีถมไป นี่ยังไม่นับภาระด้านการดูแลรักษาอีกต่างหาก

 8. ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีเงินช็อปปิ้ง

          ใครที่เคยรู้สึกว่าเดือนไหนไม่มีเงินช็อปแล้วชีวิตจะขาดสีสัน ให้ลองหันมามองอีกมุมว่า ดีเสียอีกที่ไม่มีเงินช็อป จะได้ไม่เสียเวลาไปกับการใช้ของนั้นเพื่อให้คุ้มค่ากับที่ซื้อมา ยิ่งซื้อมามากชิ้นเท่าไร ก็ยิ่งต้องเสียเวลาไปกับการใช้ของที่ซื้อมามากเท่านั้น

วันที่ 9 กันยายน 2555

วันนี้เป็นวันที่ฝนตก แต่ฉันต้องมาเรียนชดเชย และต้องให้พ่อมาส่งที่โรงเรียนกว่าจะถึงโรงเรียนเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวันที่น่าเบื่อมาก ที่จริงวันนี้ต้องหลับพักผ่อนแบบสบายๆ แต่กลับต้องมาเรียน พอตอนเย็นฉันจะกลับบ้านไม่แน่ใจเลยว่าจะมีรถรึป่าวว แต่ยังดีที่คาบสุดท้ายไม่ได้เรียน และโชคดีที่มีเบลมาส่งขึ้นรถ เธอคนนี้เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจมาก ขอบใจจริงๆ :)

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

การป้องกันตัวเองในที่สาธารณะ


ควรเดินในที่สว่างพยายามเดินให้ห่างจากประตูตามตึก อาคารและบ้านเรือน เพราะคนร้ายอาจแอบอยู่หลังประตู และเปิดออกฉุดคุณเข้าไปเมื่อคุณเดินไปใกล้ๆ

อย่าให้คนเดินตามหลังในระยะกระชั้นชิดเพราะคนร้ายมักจู่โจมจากด้านหลัง ถ้ามีคนเดินตาม และไม่แน่ใจว่าเขาเดินตามคุณเพื่อทำร้ายหรือเปล่า ให้หันมาเผชิญหน้า ถ้าไม่ใช่เขาจะเบี่ยงเดินแซงคุณไป ถ้าใช่บางครั้งคนร้ายอาจเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นว่าเหยื่อมีความระมัดระวัง

หากรู้สึกว่ามีใครกำลังเดินตามคุณกลับบ้าน
สิ่งที่ควรทำ คือ อย่าเพิ่งตรงดิ่งกลับเข้าบ้าน เพราะถ้าทำเช่นนั้นคนร้ายจะรู้จักที่พักคุณ และอาจย้อนมาทำร้ายทีหลังได้ ควรเปลี่ยนเส้นทางและเดินเข้าไปในสถานที่ซึ่งมีคนพลุกพล่าน เช่น ร้านค้า ร้านหนังสือ หรือร้านอาหาร หากบริเวณที่คุณถูกเดินตามไม่มีร้านอะไรเลย ให้มองหาบ้านคนรู้จัก หรือบ้านหลังไหนก็ได้ที่เปิดไฟอยู่ และเข้าไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนในบ้านนั้น

ถ้าคนที่เดินตามอยู่ใกล้ขนาดได้ยินเสียงเรียกชื่อ (ที่คุณสมมติขึ้นมาเอง)เหมือนว่าคุณกำลังตะโกนเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตูให้ ซึ่งคนร้ายมักจะซุ่มรอเพราะคิดว่ามีคนเดียว หากมีบุคคลทีสามเข้ามาจะยากต่อการทำร้าย ดังนั้นถ้าคนร้ายได้ยินเสียคุณเรียกคนในบ้านก็จะลังเลหรือเปลี่ยนใจ

หากคุณยืนอยู่หน้าบ้าน จงเคาะดังๆ และตะโกนเสียงดังๆว่า พี่ พ่อ ลุง...(เติมชื่อผู้ชายเข้าไป)
ช่วยเปิดประตูให้หนูที จากนั้นแกล้งทำเป็นหยุดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อเองว่า "ก็ได้ๆ ไม่ตะโกนก็ได้" แสร้งทำเหมือนว่าคนชื่อนั้นกำลังมาเปิดประตูให้คุณเข้า เมื่อมีคนมาเปิดประตูบ้านให้ ควรบอกเจ้าของบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้โทรฯแจ้งตำรวจให้ที อย่าลืมว่าตอนนี้คุณก็กำลังอยู่ในบ้านคนแปลกหน้าเช่นกัน ดังนั้นควรตั้งสติ ระมัดระวังตัว เช่น อาจจะยืนรออยู่หน้าบ้านจนกว่าตำรวจจะมาถึง
สะพานลอยถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้สะพานลอยยามค่ำคืน หากจำเป็นต้องเดินข้าม ให้สังเกตว่ามีคนซุ่มอยู่ทั้งขาขึ้น หรือขาลงหรือเปล่า คนร้ายมักดักรอเหยื่อ เป้าหมายคือผู้หญิงที่เดินข้ามตามลำพัง สวมใส่เครื่องประดับมีค่า สะพายกระเป๋า เดินคุยมือถือ หรือฟังวอร์กแมน เมื่อได้ทรัพย์สินจะหนีไปโดยมอเตอร์ไซต์ หรือถ้าเป็นที่เปลี่ยวอาจโดนฉุดไปข่มขืนด้วยคน คนร้ายมักเป็นวัยรุ่นที่ติดยาเสพติดและตระเวนก่อคดีไปทั่ว
ห้องน้ำสาธารณะถ้าต้องเดินเข้าไปห้องน้ำคนเดียว ควรระมัดระวังตัวและสังเกตสิ่งรอบข้าง เพราะคนร้ายมักจะคอยซุ่มดูคุณอยู่ในจุดที่สามารถซ่อนตัวได้ หรือยากต่อการสังเกตเห็น โดยคนร้ายจะเลือกเหยื่อที่เหมาะแล้วเข้าโจมตีและจัดการให้เร็วที่สุด
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ คอยฟังเสียงฝีเท้าหรือเสียงลากเท้าบนพื้น เพราะนั่นอาจเป็นเสียงที่ใครบางคนกำลังจับตาดูคุณอยู่ และอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมโจมตี นอกจากนี้ควรสังเกตเงาบนผนังหรือบนพื้นของคนที่เคลื่อนไหวและหยุดนิ่ง ซึ่งนั่นอาจเป็นเงาของคนร้าย
ตามธรรมชาติของมนุษย์เรามักต้องการความเป็นส่วนตัว (ในกรณีที่มีหลายห้อง) ซึ่งคนร้ายเองก็มักซุ่มแอบอยู่ในห้องน้ำห้องในสุดเช่นกัน ดังนั้นหากจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำควรเลือกห้องที่อยู่ใกล้ประตูทางออกที่สุด หรือห้องแรกๆ ซึ่งหากเกิดภัยอันตรายขึ้นมา บุคคลภายนอกที่ผ่านไปมาสามารถได้ยินเสียงหรือเสียงร้องของคุณได้

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ความรัก




ความรัก คือการให้ (ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง หลายคนตาบอดด้วยความรัก) 

ความรัก คือการให้รัก ไม่ใช่การเหนี่ยวรั้ง หรือการที่จะทำให้ใครคนนั้นรักเราตอบ 

แต่หมายถึงการให้รักให้ความรู้สึกดีๆ และจะมีความสุขอยู่กับมัน ไม่ได้หวังผลอะไรกับมัน 

มีความสุข ไม่ว่าเขาคนนั้นจะให้รักกลับมาหรือไม่ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะรู้หรือไม่ 

นี่แหละ ความหมายของความรัก 


  ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเวลามีคนมาพูดถึง คำว่า "ความรัก" ถึงรู้สึกเขินอะ ฟังดูก็ไม่แปลก แต่เขินมากเลยเมื่อได้ยินคำนี้ ฮ่าๆๆ  

วัยรุ่นทุกคนรึเปล่านะ  พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็เริ่มจะมีความรักเพิ่มเข้ามาอีก 1  ก็คือ ความรักต่อเพศตรงข้าม (ซะงั้น)  และก็เป็นปัญหาน่าจะค่อนข้างมาก ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่แถวๆบ้านฉันเนี่ยแหละ เยอะจริงๆ ทั้งเด็ก ม.ต้น ม.ปลาย และที่ทำให้ฉันพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะ 1 ในนั้น ก็คือเพื่อนฉัน ที่ชอบปรึกษาปัญหาหัวใจของตัวเองกับฉันเหลือเกิน
ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากกกกกกก
ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ เหมือนยิ่งพูดเพื่อนมันยิ่งร้องอะ ฉันก็เลยบอกว่า ฉันไม่มีประสบการณ์ เพราะฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้น แต่อย่าลืมไปว่า คนที่รักเราที่สุดก็คือ พ่อ แม่ ฉันพูดแค่นี้แหละ แล้วก็ปล่อยมันร้องต่อไป


ถ้ามันทำให้เราเจ็บปวดขนาดนี้  ทำไม??  ทุกคนถึงต้องการ
ไม่เข้าใจ

ถ้ามันทำให้เราร้องไห้ขนาดนี้ ทำไม?? ทุกคนยังเสาะแสวงหา
ไม่เข้าใจ



The only way to find love is to stop looking.


We may love the wrong person and cry for wrong reason.
But one thing is sure, mistakes help us to find the right person.



ย้อนหลัง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2555

วันนี้มีคนๆหนึ่งซึ่งก็ไม่ค่อยสนิทนะ มาถามฉันว่า "ทำไมไม่เลือกเรียนสายวิทย์ล่ะ" ฉันก็ตอบกลับว่า "ไม่อยากเรียน" แค่นี้แหละ ไม่มีไรมาก แล้วป้าคนนั้นก็พูดถึงข้อดีให้หม่อมแม่ของฉันฟัง ว่าลูกของเขานะเรียนสายวิทย์ จบมามีงานทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้เงินเดือนก็ประมาณ 20000 กว่า ส่งมาให้พ่อ แม่ ใช้ก็เดือนละหลายพัน แล้วก็บราาาๆๆๆๆๆ ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็พาดพิงมาถึงสายที่ฉันกำลังเรียนอยู่ว่า "จบแล้วจะไปทำงานอะไรหรอ จะสู้คนอื่นๆได้มั้ย คนเก่งมีตั้งมากมาย แถมตัวยังไม่มีความรู้ภาษาจีนมากเท่าไหร่ "    ฉันก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของอนาคต  " หลังจากที่ป้าคนนั้นพูดมา ฉันไม่ตอบ ก็คงจะรำคาญมั้ง ก็เลยกลับบ้านตัวเองไป แต่ใจจริงฉันอยากจะไล่ด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากทำเพราะมีแม่อยู่ด้วย

 ( ฉันไม่เรียนสายวิทย์เพราะไม่ชอบ ฉันเรียนในสิ่งที่รัก และก็รักในสิ่งที่เรียน แค่นั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องเดินตามคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร พี่ฉันก็เรียนสายวิทย์นะ แถมยังจบจาก จุฬาลงกรณ์ ซะด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของพ่อ แม่ นะ พ่อและแม่ อยากให้ฉันเรียนสายวิทย์ เพราะอยากให้ฉันเป็นหมอ แต่ฉันบอกกับท่านว่า ฉันไม่ชอบ ฉันเรียนไม่ได้ ฉันไม่ได้รัก ถ้าเรียนไปเกิดไม่รอดขึ้นมา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แค่นี้แหละ ฉันพูดแค่ครั้งเดียวและก็ไม่พูดอีกเลย แต่พ่อก็ยังพูดกรอกหูฉันทุกวันว่า เรียนสายวิทย์ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ฉันไม่สนหรอก ฉันเลือกทางเดินที่ฉันชอบและรักดีที่สุดแล้ว)

วันที่ 2 กันยายน 2555

เมื่อกี้ออนเฟส แล้วก็มีหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไม่รู้จักชื่อ เข้ามาทัก ฉันก็ถามไอ้นั่นว่า "ใครคะ" ไอ้หมอนั่นก็ตอบ

ว่า "คน"  ฉันก็เลยตอบกลับว่า "รู้แล้ว ฉันก็คงไม่ได้คุยอยู่กับควายหรอก " ไอ้หมอนั่นกลับด่าฉัน  มัน

ด่ามา ฉันก็ด่ากลับ จึงอยากจะถามทุกคนว่า คำตอบที่ฉันพูดไปมันผิดตรงไหน ??? ฉันคิดว่ามันสมเหตุ

สมผลที่สุดแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆ 

โรคเหน็บชา


โรคเหน็บชาเกิดจากอะไรเเละวิธีการรักษา
 
ส่วนใหญ่ผมเนี่ยมักจะเป็นตอนนั่งนานๆครับ เเต่ขยับนิดหน่อยเดี๋ยวก็หายครับ เเต่ว่า เป็นบ่อยๆไม่ดีนะครับ เพราะในระยะยาวอาจจะมีผลต่อระบบความดันเลือดได้ครับ
 
 
 
โรคเหน็บชาเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการขาดขาดวิตามิน B1 โรคเหน็บชาเกิดจากการที่มีการขาดวิตามิน thiamine และผลในความผิดปกติทางระบบประสาท หรือ วิตามินบีหนึ่งวิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่สำคัญละลายน้ำได้จำนวนฟังก์ชั่นในร่างกายมาเป็นพิเศษช่วยใน การสลายน้ำตาลกลูโคสและครอบคลุมปลอกเส้นประสาท
โรคเหน็บชาส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆในร่างกายเช่นระบบกล้ามเนื้อระบบหัวใจและหลอดเลือดและระบบประสาท คน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบที่สุดที่มีการขาด thiamine หรือโรคโรคเหน็บชาเนื่องจากมีการใช้ข้าวที่มีมากน้อย b1 thiamine วิตามิน ฉันจะไม่, ผมไม่ได้เป็นความหมายของโรคโรคเหน็บชา
ประเภทของโรคเหน็บชา
Wet โรคเหน็บชา : โรคเหน็บชาฝนมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
โรคเหน็บชาแห้ง : โรคเหน็บชาแห้งมักจะมีผลต่อระบบประสาท
สาเหตุของโรคเหน็บชา, สิ่งที่ทำให้เกิดโรคเหน็บชา
หักการรับประทานวิตามิน B1 หรือ thiamine ทำให้เกิดโรคเหน็บชาหรือเปียกโรคเหน็บชา
ละเมิดแอลกอฮอล์ : ละเมิดแอลกอฮอล์ทำให้เกิดโรคเหน็บชา ผู้ ป่วยสุราเรื้อรังทุกข์ทรมานจากการขาดวิตามิน thiamine เป็นแอลกอฮอล์รบกวนการดูดซึม thiamine ในลำไส้และป้องกันการจัดเก็บข้อมูลของ thiamine ในร่างกาย
การบริโภคอาหารที่มี thiamine น้อยสาเหตุโรคเหน็บชา ส่วนใหญ่คนกินข้าวสารที่ได้สูญเสียวิตามิน thiamine และเป็นคุณค่าทางโภชนาการและการนี้ทำให้เกิดโรคเหน็บชา
การบริโภคอาหาร thiamine หักผ่านทำให้เกิดโรคเหน็บชา
การ ผ่าตัดกระเพาะอาหารยังก่อให้เกิดโรคเหน็บชาในผู้ป่วยบางรายเป็นการดูดซึมของ วิตามินจากทางเดินอาหารเปลี่ยนไปหลังการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ไตในผู้ป่วยไตและยา diuretics ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดโรคเหน็บชาและเพิ่มความเสี่ยง
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม : อาจทำให้เกิดโรคเหน็บชาในบางคน บุคคลที่มีประวัติครอบครัวของโรคเหน็บชาอาจได้รับโรคเหน็บชาผ่านยีนเป็นพี่น้องกัน ประเภทของการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับการดูดซึมวิตามินบีหนึ่งที่ไม่ดีหรือวิตามิน B1 จากระบบลำไส้ ผู้ใหญ่ได้รับผลกระทบโดยทั่วไปกับโรคเหน็บชาโรคเหน็บชาการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมหรือผู้ใหญ่
ทารกที่ดื่มน้อยกว่าหรือ b1 thiamine วิตามินที่มีนมเลี้ยงลูกด้วยนมจากมารดาอาจได้รับโรคเหน็บชา อาหารเสริมสำหรับทารกภายนอกหรือทารกอาจมีไม่เพียงพอ thiamine และสาเหตุโรคเหน็บชาในทารก
อาการของโรคเหน็บชา,
การสูญเสียน้ำหนัก * คืออาการหลักของโรคเหน็บชาเนื่องจากโภชนาการที่ไม่ดี
* การสูญเสียของความอยากอาหารจะลดลงอาการโรคเหน็บชากับการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร
* การเปลี่ยนแปลงทางจิตที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางปัญญาและความรู้ความเข้าใจ
จุดอ่อนทั่วไป * ในอาการที่พบบ่อยของโรคเหน็บชา
* ความเจ็บปวดในแขนขา,
* ความเมื่อยล้าที่รุนแรงและการสูญเสียกล้ามเนื้อ
คลื่นไส้และอาเจียน *
อาการของโรคเหน็บชาเปียก
* ความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด
* ความล้มเหลวของหัวใจ
* ความล้มเหลวของการเต้นของหัวใจวายอาการของโรคเหน็บชาเปียกอยู่
* อ่อนแอของผนังหลอดเลือดฝอย,
* tachycardia (อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น),
* หอบ,
* เวลาคืนตื่นพร้อมกับเหงื่อออก
* อาการโรคหัวใจจะกลายเป็นเลวลงถ้าไม่ได้รับการรักษาโรคเหน็บชาในเวลา
* ถึงแม้ว่าโรคเหน็บชาเป็นโรคร้ายแรงไม่อาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตหากอาการของโรคเหน็บชาจะไม่ได้รับการรักษา
อาการของโรคเหน็บชาแห้งแห้งอาการโรคเหน็บชา
* ความเสียหายหรือความเสียหายที่เปลือก Myelin นิวรอน,
* ในความมึนงงเท้าและขาด้วยความรู้สึกน้อยลง
* พิการทางการรับรู้ทางประสาทสัมผัส
* อัมพาตบางส่วนหรือฝ่ายเดียว,
* ความเสียหายของเส้นประสาทรอบนอก
* การเปลี่ยนแปลงอารมณ์
* กล้ามเนื้อผู้เสียชีวิตร่วมบวช,
* ความเจ็บปวดในแขนขาที่ต่ำกว่า
* เปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวของตา
ความรู้สึกรู้สึกเสียวซ่า * ในเท้า,
* ยากที่จะเดินและกระโดด
* กรดแลคติกเพิ่มขึ้นและกรด pyruvic ในเลือด
การรักษาโรคเหน็บชา
ให้ thiamine ขาดจากภายนอกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาโรคเหน็บชา และระดับ thiamine สมดุลในร่างกายเป็นจุดมุ่งหมายหลักของการรักษาโรคเหน็บชา การบริหารวิตามินบีหนึ่งไฮโดรคลอผ่านแบบฟอร์มหรือหลอดเลือดในช่องปากเป็นที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคเหน็บชา แม้ระยะสั้นการรักษาทันทีที่มีไฮโดรคลอไร thiamine กู้คืนผู้ป่วยจากอาการของโรคเหน็บชา
* ปริมาณที่สูงขึ้นของการบริหารงานผ่านทางฉีด thiamine ช่วยในการรักษาโรคเหน็บชา
* ธัญพืชบริโภคมักจะไม่ไดทำให้บริสุทธิ์เพื่อเพิ่มระดับ thiamine ในเลือดและรักษาโรคเหน็บชาเปียก
* กินข้าวกล้องซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินบี 1 หรือ thiamine
* เนื้อไข่และปลานอกจากนี้ยังมีการแนะนำในการรักษาโรคเหน็บชา
* ผักใบเขียวผลไม้สด, นมและผลิตภัณฑ์นมที่ใช้ในการรักษาโรคเหน็บชากับ thiamine พออาหารเสริม
* รักษาระดับที่เหมาะสมของ thiamine ในเลือดและยืนยันด้วยการตรวจสอบปกติ
* การบริหารงานของวิตามินบีซับซ้อนทั้งหมดขอแนะนำในการรักษาโรคเหน็บชาทั้งเปียกและแห้งโรคเหน็บชา
* เหล่านี้เป็นตัวเลือกของการรักษาโรคเหน็บชา Wet, การรักษาโรคเหน็บชาแห้ง

มะเร็งเต้านม


มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทยเป็นที่สองรองจากมะเร็งปากมดล กมักเกิดในหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปและพบมากในหญิงที่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรน้อย และในผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเคยเป็นมะเร็งเต้านมหญิงอายุน้อยหรือชายก็อาจเ ป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่พบได้น้อย
สาเหตุการเกิดโรค ยังไม่ทราบแน่นอน แต่ในทางระบาดวิทยาอาหารไขมันสูง มีส่วน ทำให้เกิดโรคได้ ตำแหน่งเกิดของมะเร็งเต้านมมักเป็นที่ส่วนบนด้านนอกของ เต้านมมากกว่า ส่วนอื่น

ลักษณะอาการของโรค
* เริ่มจากการคลำก้อนไม่ได้จนถึงมีก้อนเล็กๆ ขึ้นที่เต้านม ส่วนมากจะไม่มีอาการเจ็บปวด
* ก้อนจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ท ำให้เต้านมมีลักษณะผิดไป อาจทำให้เต้านมใหญ่ขึ้น หรือบางชนิดทำให้เต้านมแข็ง หดตัวเล็กหรือแบนลงได้ ก้อนมะเร็งอาจจะรั้งให ้หัวนมบุ๋ม เข้าไปจากระดับเดิม หรือทำให้ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะ หยาบ และขรุขระ บางรายเมื่อบีบบริเวณหัวนมจะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึมออกมา มะเร็งจะลุกลาม แพร่กระจายจากตำแหน่งที่เกิดได้อย่างรวดเร็วไปตามหลอดเลือด และน้ำเหลืองสู่อวัยวะอื่นๆ
* บริเวณที่พบการแพร่กระจายได้เร็วและบ่อยที่สุดได้แก่ ต่อมน้ำเหลือง ที่รักแร้
* ในรายที่เป็นมากแล้วเนื้อมะเร็งบางส่วนจะเน่าตาย ทำให้เกิดเป็นแผลขยายกว้างออกไป และมีกลิ่นเหม็นจัด

การตรวจวินิจฉัยและรักษา
* การตรวจพบและรักษามะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จะมีโอกาสหายขาดได้
* การตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้งเป็นประจำ หลังหมดประจำเดือน 7 วัน และ การตรวจโดยเอ็กซเรย์เต้านม ช่วยให้พบความผิดปกติ หรือก้อนมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
* การรักษานั้นอาจทำโดยการผ่าตัดการบำบัดทางรังสี และการใช้ยาสังเคราะห์บางประเภท ทั้งนี้อาจจะให้การรักษาโดยวิธีการเดียวหรือร่วมกันไปก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลการ ตรวจพิเศษ ของชิ้นเนื้อมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองที่ผ่าตัดออกมา

ข้อพึงปฏิบัติ
* ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้งเป็นประจำ หลังหมดประจำเดือน 7 วัน หากพบก้อนหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
* ให้ความร่วมมือในการรักษา อย่าหลงเชื่อและเสียเวลาไปกับการรักษาโรคมะเร็ง ด้วย วิธีการ ทางไสยศาสตร์และยากลางบ้าน เพราะมะเร็งนั้นจะโตขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่จะหายขาดจะลดลง ทุกขณะ
* พึงระลึกเสมอว่ามะเร็งของเต้านมหรืออวัยวะใดก็ตาม ถ้าได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้น เร็วเท่าไร ความหวังที่โรคจะหายขาดก็ยิ่งมีมากขึ้นเพียงนั้น

(สำหรับสาวๆนะจ๊ะ หนุ่มๆรู้ไว้ก็ดี)

วันที่ 1 กันยายน 2555

หลังจากเมื่อวานที่ต้องไปเรียนชดเชยในวันเสาร์ ตอนเช้าพ่อไปส่งที่โรงเรียน พอตอนเย็นจะกลับบ้าน ก็เดินไปที่คิวรถ แต่ไม่มีรถกลับบ้านแม้แต่คันเดียว ความซวยก็เคลื่อนเข้ามา เพราะลุงคนหนึ่งบอกว่า "รถเพิ่งออกก่อนหน้าหนูไปเมื่อกี้เอง" ฉันก็นั่งทำหน้าละห้อยอยู่ตรงคิวรถ เหว่หว้าสุดๆ และตอนนั้นก็กำลังป่วยด้วย ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ ถ้าร้องได้คงจะร้องลั่นเลยแหละ นอกจากไม่สบายแล้ว ไม่มีรถกลับบ้าน แถมยังไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนอีก ชีวิตนี้ช่างแสนเศร้าเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอกดรับปลายสายก็ถามว่า "ตอนนี้หนูอยู่ไหน" ฉันก็บอกว่า "อยู่คิวรถ ไม่มีรถกลับบ้าน" ป้าฉันก็บอกว่าเดี๋ยวไปรับเพราะตอนนี้มาทำธุระพอดี ฉันก็ยิ้มแป้นที่จะได้กลับบ้านละ  และป้าก็มารับ แต่ก่อนกลับ ป้าแวะซื้อของที่ Big C ฉันก็เดินขึ้นชั้นบน และก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของสาวๆเต็มเลย คิดว่าต้องมีไรแน่นอน พอเข้าไปดูก็เห็นพี่เมาส์ และดาราอีกหลายคนแต่ไม่รู้จัก กำลังถูกล้อมด้วยผู้หญิงเป็นร้อย เป็นพัน (เวอร์ละ) ฉันอยากจะเข้าไปถ่ายรูปนะ แต่โดนเบียดจนกระเด็นเลย แถมทนฟังเสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิง 18 หลอดไม่ได้  ฉันก็เลยเดินออกมา แต่ก็ดีใจมากๆเลยที่ได้เจอพี่เมาส์  ตัวจริงหล่อมากกก

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

เกร็ดธรรมสุดยอด - พระอาจารย์สนอง กตปุญฺโญ



  • คนเราเมื่ออายุมากๆ เป็นบ้าหอบฟาง ตัวไม่หอบแต่ใจมันหอบ ไปทีไรก็แบกไปหมด อะไรต่อมิอะไรเก็บมาคิดมานึกหมด สะสมอยู่คนเดียวนั่นแหละ ใครไม่ทุกข์เราก็เก็บมาทุกข์คนเดียว บ้าหอบฟางมันไม่มีอะไร มีแต่ฟางที่หอบไป มันหลงนึกว่าเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ที่แท้ก็แค่ฟางเท่านั้นเอง ไม่มีทำอย่างไรได้?...อะไรๆ ก็ของเรา ก็ต้องแก้ที่ใจซิ ! มันมีก็ทำใจเหมือนไม่มี ปล่อยวางให้เป็น มันก็เลยเย็นลง
     
  • ทุกข์เพราะอะไร...นอกจากไม่ทันอารมณ์ หลงปล่อยใจคิดมากจนดับไม่ได้ คิดอะไรดีหรือไม่ดีก็ปล่อยไปตามอารมณ์จนจบ พอจบก็เป็นทุกข์ คิดดีก็เฉย คิดไม่ดีก็เฉย ไม่ไปตามทั้งคิดดีและไม่ดี 
     
  • หากทำใจเฉยไม่ได้ เมื่ออะไรเข้ามาทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ พอยึดแล้ว หลงทำตามก็เป็นทุกข์ทั้งหมด เพราะมันไปคิดว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขา แต่ถ้าคิดแล้วมันเฉย กระทบแล้วมันปล่อย มันก็เบากายเบาใจ เพราะใจเสียไม่มี มีแต่ใจเฉย ใจเฉยน่ะใจดี
     
  • เพียงความคิดนึก...คิดถึงคนนั้นก็ “พุทโธ” คิดถึงคนนี้ก็ “พุทโธ” มันรู้เห็นเข้าๆ มีเกิดดับอย่างเดียว มันไปไหนไม่รอด เพราะสติ สมาธิมันมีมาก ปัญญามันก็รู้ทันหมด รู้ตามความเป็นจริงว่าไม่มีอะไร
     
  • หลักปฏิบัติก็คือ ตามเฝ้าดู เฝ้าพิจารณากายกับใจ นามกับรูป รูปกับนาม ยกจิตขึ้นสู่พระไตรลักษณะญาณ เห็นความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปอยู่ทุกขณะจิต ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขา มันเป็นเพียงแค่ความคิดนึกเท่านั้น แต่ถ้าเราทำตาม...มันเป็นตัวตนใหญ่เลย มันแค่นึกแล้วก็หาย ไม่มีตัวตน คิดว่าจะไปเอาโน่นเอานี่ เราไม่ไปตามมันก็ดับ แต่ถ้าเราหลงไปตาม มันเอาเรื่องใหญ่ๆเข้ามาเลยนะ
     
  • มันวุ่นวายจริงๆ ได้เห็นได้ยินอะไร เป็นตัวเป็นตนเป็นเขาเป็นเราไปหมด ไม่ยอมแพ้ จะเอาชนะอย่างเดียว แต่พอมาปฏิบัติ มารู้จักหลักปฏิบัติของใจ อะไรก็มองเป็นธรรมดาไปหมด เกิดปล่อย เกิดละ เกิดวาง ไม่ค่อยชิงชังเคียดแค้น ไม่คิดที่จะเอาชนะเอาแพ้กับใคร ธรรมะมันค่อยๆ ปลดเปลื้องไปโดยไม่รู้ตัว จากนิสัยไม่ดีเลยกลายเป็นคนดี ใจที่ไม่เคยปลดเคยวาง ก็ปลดวางได้ เราจะเห็นบุญในชาตินี้...ใจก็ดีกว่าเดิม มันสงบ มันรู้เท่าทันอารมณ์มากกว่าเดิม
     
  • นั่งสมาธิไม่เป็นก็หัดนั่ง ลองมาดูใจตัวเองว่า วันหนึ่งๆมันเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่ฝึกไม่ซ้อมจะไม่รู้เลย ว่าความสงบเป็นอย่างไร พอทำสมาธิเกิดขึ้น จะเห็นว่าสิ่งนี้เป็นของประเสริฐดีกว่าสิ่งอื่น ถึงแม้จะมีเงินทองก็ไม่ได้ให้ความสุขแก่ใจเรา แต่่ความสงบนี่ ให้ความสุขแก่ใจเราทุกเวลา
     
  • คนเราถ้าไม่มาปฏิบัติธรรม...มันมีปัญหาทุกคน เพราะใจมันคอยคิดในแง่ไม่ดีอยู่เรื่อย แง่ดีมันก็ไม่คิด ใครพูดไม่ดี มันเอาเชียวล่ะ ! ตอกกลับไปทันที อย่างน้อย...ขโมยโกรธเขาก่อนก็ยังดี ไม่แสดงความโกรธออกมา ขโมยโกรธก็เอา โกรธเขาข้างหลัง ถ้าทำใจได้ มันก็แยกความรู้สึกของตนเองให้อยู่ในฐานะของคนรักสงบ ชอบอยู่อย่างสบายใจ ไม่หาปัญหาให้ตัวเอง และไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่น ทุกคนก็อยู่ในฐานะที่เหมาะสมกับตัวเอง คือ ต้องการความสงบ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
     
  • สังคมสิ่งแวดล้อมในทุกวันนี้ทำให้คนฟุ้งซ่านมาก จะแก้ความฟุ้งซ่านด้วยการไปเห็น ไปดู ไปกิน ไปเต้น ไปรำ ไปเที่ยว มันแก้ไม่ได้หรอก กลับยิ่งทำให้วุ่นวายใหญ่ ยิ่งคิดมาก หัวใจยิ่งอ่อนแอมาก
     
  • เราต้องเลิกคิด แล้วหาที่พึ่งที่เกาะทางใจ ด้วยการมาภาวนา พอมาปฏิบัติเราจะเห็นทางแก้หัวใจอยู่ตรงนี้เอง จุดเดียวเท่านั้นเองเหมือนไฟหลายดวงมีสวิตซ์อันเดียว พอกดสวิตซ์อันเดียวดับมืดหรือสว่างหมด

    ใจเราก็เช่นกัน ถ้าไม่สงบ...ใจมันก็มืด ปัญหาต่างๆ ก็ตามมากลุ้มรุมหัวใจ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรมันว้าวุ่นไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ถ้าใจเราสงบก็สว่าง ปัญหาร้อยแปดก็ดับหมด
     
  • เกิดที่ไหนให้ดับที่นั้น...เรื่องอะไรที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับเรา ก็ให้มันดับตรงนั้น ไม่ใช่อะไรเกิดขึ้นแล้วเราพูดไปทั่ว นั่นมันไม่ดับตรงนั้น คนไหนทำไม่ดี เราก็ไปพูดกับทุกคนจนรู้หมด อย่างนี้ไม่ดี ถ้าเราเห็นอะไรไม่ดี ก็จบตรงนั้น ถ้าดีไม่เป็นไร คนไหนทำดีไปบอกคนโน้นคนนี้เราก็ดีใจ ถ้าหากเรื่องไม่ดี เราไปบอกคนโน้นคนนี้ เขาก็ไม่พอใจ
     
  • ไม่ดีนั้นเป็นบาป ดีนั้นเป็นบุญ คนที่จะมีความสุขได้ คนนั้นต้องมีบุญ บุญคือความดีใจ ไม่โกรธ ไม่อิจฉาริษยาใคร ไม่ปองร้าย ไม่มองใครในแง่ร้าย มองว่าเราคือเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เราก็ทำใจให้เมตตาสงสารทุกคน ถ้าทำใจดีได้ มันก็เป็นสุขที่ใจ
     
  • ปัญญาทำให้รู้จักตัวเองขึ้นมาได้มาก คนเราต้องทุกข์อีกเยอะ ทุกข์กับความเกิด ทุกข์กับความแก่ ทุกข์กับความเจ็บอีก แล้วยังต้องไปทุกข์กับความตายอีก เขาตายก็ดี เราตายก็ดี
     ถ้าทำใจไม่ได้ก็ต้องเป็นทุกข์ทุกคน การเกิด การแก่ การเจ็บ การตายจึงเป็นทุกข์อย่างมาก ใครก็หลีกเลี่ยงธรรมอันนี้ไม่พ้น ถ้าไม่ตายตอนหนุ่มตอนสาวก็ต้องตายตอนแก่ ก็ต้องทุกข์เหมือนกัน เพราะเราหนีไม่พ้น ต้องผมหงอก ฟันหัก หนังเหี่ยว เรี่ยวแรงไม่มี เดินก็เหนื่อย นั่งก็เหนื่อย นอนก็เหนื่อย เดินก็เจ็บ นั่งก็เจ็บ นอนก็เจ็บ ทุกข์กับความแก่นี่ไม่ใช่ทุกข์วันเดียว ทุกข์เป็นปีๆ ทุกข์หลายๆ ปี
     
  • บางคนมีโรคประจำกาย ตายก็ไม่ตาย ทรมานต่อสังขารร่างกาย ทรมานจิตใจตลอดวันตลอดคืน ไม่มีใครเห็นทุกข์แบบนี้ เพราะคนเรามันหลง ไม่ยอมรับความจริง ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ขันธ์ ๕ จะต้องมีทุกข์อย่างนี้ เราก็จะสบายใจสามารถปลงได้
     
  • สมบัติในโลกนี้ ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ เงินสักบาทหนึ่งสักสลึงหนึ่งก็เอาไปไม่ได้ เอาใส่ปากก็ยังเอาไปไม่ได้ เว้นแต่บุญกุศลเพียงข้าวทัพพีหนึ่ง หรือสมาธิชั่วครู่หนึ่ง กลับมีอานิสงส์ไปยังชาติหน้าได้
     
  • คนเรามันโง่ก็ไปคิดผิดๆ เขาไม่รักเรายิ่งทุกข์ใหญ่ เขาไม่รักเราสิสบายใจ เราไม่ต้องไปปรนนิบัติเอาอกเอาใจเขาแล้ว เราช่วยตัวเองดีกว่า เข้าหาธรรมะมาบวชมาเรียนมาปฏิบัติเสียดีกว่า ตายแล้วยังได้ไปสวรรค์บ้าง อ้ายนั่นตายแล้วก็ไปนรก เพราะรักเขาไม่มีปัญญา ตัวเขากลับไปนั่งยิ้มคนเดียว ส่วนเราก็เป็นทาสของความรักไป ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย เขาเรียกว่าเป็นทุกข์เพราะความรัก
     
  • ถ้าคนเราเข้านิพพานเสียได้ก็หมายถึงสุข แต่เพราะความวุ่นวายที่ทุกคนมีอยู่ยังดับไม่ลง เดี๋ยวเรื่องนั้นเข้ามาแทรกเดี๋ยวเรื่องนี้เข้ามาซ้อน เรื่องลูกเรื่องหลาน เรื่องบ้าน เรื่องเรียน เรื่องรักเรื่องใคร่ เรื่องโลภโกรธหลง มีอยู่ในหัวใจทุกคน คนก็พยายามจะแสวงหาความอยากได้มากๆ แสวงหาความรักมากๆ ไปขอความรักเขา ให้เขารักมากๆ รักน้อยๆ ก็ไม่เอา ล้วนแต่จะเพิ่มให้มันมากขึ้น ที่จริงมันเพิ่มทุกข์ทั้งนั้น
     
  • โดยมากคนเรามักมีอคิต คนนี้พวกเราก็เข้าข้าง ทำดีเราก็สรรเสริญ แม้ทำไม่ดีเราก็ยังกลับยกย่อง คนไหนที่ไม่ใช่พวกเราทำดีอย่างไรเราก็อิจฉา ไม่ชอบไม่พอใจ เพราะไม่ใช่พวกเรา ยิ่งถ้าทำไม่ดีแล้วเราก็ไม่ยอมให้อภัย นั่นมันไม่ดีสำหรับใจเรา ไม่ใช่ดีชั่วอยู่ที่ตัวเขา แต่ดีชั่วมันอยู่ที่ใจเราเสียแล้ว เพราะเราคิดไม่ดีกับคนอื่น
     
  • “แม่สอนว่า”...พระเดชพระคุณหลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ ท่านจะเน้นการเทศน์และสั่งสอนเรื่องของความกตัญญูอยู่เสมอ ซึ่งท่านมักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่า “ไม่มีใครรักเราเท่ากับแม่อีกแล้ว”

    ครั้งหนึ่งที่ห้องรับรอง สถานีโทรทัศน์พุทธภูมิ หลวงพ่อสนองท่านได้เล่าให้โยมฟังเกี่ยวกับเรื่องสมัยก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระว่า ท่านเป็นคนไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน มีเพื่อนมากและชอบเที่ยวไปเรื่อยๆ ซึ่งแม่ของท่านก็จะเป็นห่วงมาก ด้วยความที่แม่ของหลวงพ่อท่านไม่อยากให้ลูกชายมีครอบครัว แม่ของหลวงพ่อจะสอนในทำนองโน้มน้าวให้ลูกชายทุกคนบวชอยู่เสมอๆ ว่า “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจริงใจกับเราหรอก...” และก็สอนต่างๆ นานา เพื่อให้ลูกชายของท่านละทางโลก จนในที่สุดหลวงพ่อสนองก็ได้มาบวช แล้วมาเข้าห้องกรรมฐานที่ป่าช้าวัดหนองไผ่ จ.สุพรรณบุรี โยมแม่ก็ตามมาส่งอาหารทุกวัน ไปอยู่วัดเขาถ้ำหมี จ.สุพรรณบุรี โยมแม่ก็ตามไปอยู่ด้วย ไปอยู่ถ้ำกะเปาะ จ.ชุมพร แสนที่จะลำบาก โยมแม่ก็ตามไป จนสุดท้ายโยมแม่หรือแม่ชีแม้นก็มาตามมาอยู่และดับสังขารที่วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี นั่นเองหลวงพ่อพูดในตอนท้ายว่า “ความรักของแม่ที่มีให้กับท่านนั้น เป็นความรักที่มากมาย และบริสุทธิ์เกินที่จะเปรียบได้” ซึ่งถ้าใครได้ฟังหลวงพ่อเล่าเรื่องโยมแม่ที่รักลูกนั้นคงจะยาวนานมาก เพราะตัวหลวงพ่อเองนั้น “ท่านก็ไม่เคยลืมพระคุณที่โยมแม่มีให้กับท่านมาตลอดตราบชั่วชีวิตนี้ และตลอดไป”
     
  • คนที่กายดี ตาดี หูดี แต่พิการทางใจฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง ไม่อยากเข้าวัด กลับไปเข้าแหล่งมั่วสุมแหล่งการพนัน หูก็ฟังแต่เรื่องไม่ดี ใครทำกูกูพยาบาท ใครทำกูกูพยายามเอาชนะ ใจไม่เคยสบายมีแต่ตัวตน มีแต่เราเขา คิดแต่จะหากินให้สนุกสบาย ไม่เคยคิดปลงว่าเราจะต้องแก่ต้องตาย